fbpx

สไตล์การร้องเพลงแบบไหนที่ยากที่สุดในโลก

แต่ละประเทศล้วนมีวัฒนธรรมทางศิลป์รวมทั้งดนตรีที่ไม่เหมือนกัน ส่วนใดส่วนหนึ่งเป็นเพราะเหตุว่าทำเลที่ตั้งที่แตกต่างกันทำให้วิถีชีวิตของแต่ละชุมชนก็แตกต่างกัน ทำให้แต่ละที่สร้างความสนุกสนานในแบบอย่างที่เฉพาะบุคคลและไม่รู้สึกว่าจะเกิดขึ้นได้ การร้องเพลงในบางวัฒนธรรมก็เพื่อความสนุกสนานเพียงแค่นั้น แต่ว่าในอีกวัฒนธรรมก็ใช้การขับร้องเพื่อดำเนินชีวิตในพื้นที่ที่ลำบาก ส่งผลให้เกิดสไตล์การส่งเสียงร้องที่มากมาย สำนักข่าว BBC เลยพานักอ่านไปทดสอบฝึกฝนขับร้อง 4 สไตล์ที่ขึ้นชื่อว่าคงจะยากที่สุดในโลก อีกทั้ง 4 สไตล์มีอะไรบ้างเราลองไปทำความรู้จักกัน

 

Bel Canto

แปลจากภาษาอิตาเลี่ยนได้ตรงตัวเลยว่า ‘การส่งเสียงร้องอันสวยงาม’ (beautiful singing) ซึ่งพวกเรามักเรียกชินปากกันว่าโอเปร่า มีต้นกำเนิดในตอนศตวรรษที่ 16 ก่อนที่จะเริ่มรุ่งเรืองในศตวรรษที่ 18 คุณลักษณะที่สำคัญของการเป็นนักร้อง bel canto ที่ทุกคนจะเห็นด้วยคือจะต้อง ‘มีเสียงที่สูงและก็สะท้อนมากพอจนกระทั่งสะดุดตาเหนือเสียงจากวงออร์เคสตราโดยไม่ใช้ไมค์ พร้อมลงเสียงต่ำได้ในทันทีทันใด’ ศาสตร์ของการร้องเพลงแนวนี้จำต้องควบคุมลมหายใจได้อย่างเที่ยงตรง ไหวพริบปฏิภาณสำหรับการร้องหรือการเปล่งคำออกมาได้แจ่มชัดรวมทั้งได้รับความนิยมโน้ตสูงต่ำได้น่าฟัง

ไม่เชื่อก็จำต้องเชื่อ แต่ว่าทุกคนสามารถฝึกหัดร้องแนวนี้ได้! เพียงแค่จำเป็นต้องฝึกหัดการกำหนดลมหายใจและก็แนวทางโปรเจกต์เสียง ซึ่งปากของพวกเราเสมือนอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีประเภทหนึ่งที่พวกเราจำเป็นต้องทราบแนวทางเป่าลมออกมาเป็นตัวโน้ต จะต้องฝึกหัดอยู่นับเป็นเวลาหลายปีกับอาจารย์ที่มีความชำนาญจริงๆถึงจะทำเสียงสูงรวมทั้งกังวานแบบคลิปด้านบนได้ ขอบอกเลยว่านี่ยังไม่ใช่สไตล์การส่งเสียงร้องที่ยากที่สุดนะ

 

Yodeling

yodel ในภาษาอังกฤษเปลี่ยนมาจากคำว่า jodeln ในภาษาเยอรมัน หมายความว่า ‘การเปล่งเสียง jo ออกมา’ (ก็คือเสียง yo ในภาษาอังกฤษ) ซึ่งจุดแข็งของการส่งเสียงร้อง yodeling คือการเปล่งเสียง high-pitch ที่สูงสลับกับเสียง low-pitch หรือเรียกในเชิงเคล็ดลับว่า chest voice เป็นเสียงต่ำที่จำเป็นต้องเปล่งเสียงจากทรวงอกโดยไม่ต้องนึกถึงการเชื่อมอย่างลื่นไหลของโน้ตที่ต่างกันมากมายทั้งสองคีย์ สลับกันไปๆมาๆอย่างเร็ว ทุกคนชอบเข้าใจว่าสไตล์การส่งเสียงร้องอย่างนี้มาจากผู้ที่อาศัยแถบแนวเขาแอลป์ในยุโรป แต่ว่าจริงๆมีต้นกำเนิดมาจากแอฟริกาตั้งแต่ทีแรกก่อนที่จะแพร่หลายไปทั้งโลก ในยุโรปคนเลี้ยงแกะบนแนวเขาแอลป์ใช้สำหรับในการติดต่อสื่อสารกันในระยะที่ไกลมาก
yodeling ในแต่ละประเทศก็ต่างกันอีกด้วย การส่งเสียงร้องอย่างงี้ได้รับความนิยมในชาวออสเตรียที่สุด มีท่วงทำนองที่หวานและก็เนื้อเพลงที่ไพเราะ ประเทศฝรั่งเศสจะรื่นหูที่สุด yodeling ของคนอเมริกาจะเพราะกว่าแล้วก็ชวนซึมเซาน้อยกว่า แม้กระนั้นทุกคนจะเคยชินกับการส่งเสียงร้องแบบคนเยอรมันมากยิ่งกว่า มันครื้นเครงอารมณ์ขันเนื่องจากว่าทุกคนร้องรำกันเวลาดื่มเบียร์สด แต่ว่าประเทศสวิตเซอร์แลนด์เห็นว่ามันคือดนตรีโฟล์กพื้นบ้านของบ้านเขา มันเปล่าเปลี่ยว เซื่องซึมแล้วก็เศร้าโศกมากมาย แน่ๆว่าการร้องอย่างนี้ก็ฝึกหัดถ้าเกิดพวกเรารู้เรื่องร่างกายของพวกเราดีเพียงพอ จะต้องฝึกฝนการเบรกเสียงแล้วก็ควบคุมลมหายใจให้ถูกจังหวะ เพราะว่าพวกเราจำต้องสลับคีย์สูงต่ำอย่างเร็ว หาคีย์ของตนเองให้พบ ฝึกหัดไม่น้อยเลยทีเดียวพวกเราก็ทำเป็น

 

Tuvan throat singing

อ่านไม่ผิดหรอก นี่เป็นการใช้คอขับร้อง เป็นสไตล์การร้องเพลงที่พิศดารแม้กระนั้นยังน่าทึ่งของชาวมองโกเลียรวมทั้งชาวทูวา เป็นการร้องที่มีลักษณะเป็น overtone คือมีเสียงของโน้ตสองตัวอยู่สำหรับในการออกเสียงครั้งเดียว ซึ่งมาจากฮาร์โมนิกของเสียงทุ่มต่ำเหมือนเสียงเบสในคอ ส่งตรงมาจากปอดรวมทั้งผ่านการห่อริมฝีปากจนกระทั่งกระตุ้นให้เกิดเสียงที่มีเอกลักษณ์มากมายขึ้นมา โดยมีพื้นฐานการส่งเสียงร้องอยู่สามแบบคือ Khoomei, Sygyt และก็ Kargyraa ที่มีการใช้ลิ้นรวมทั้งการขับลมจากอวัยวะต่างๆภายในร่างกายแตกต่างกันเพื่อได้ข้อจำกัดเสียงที่กว้างขึ้นไปอีก มีความเป็น world music จัดๆเลย

 

Pansori

มันคือมหรสพอันดั้งเดิมของประเทศเกาหลีที่มีตัวนักร้อง (sorikkun) ที่รอขับร้องเรื่องราวต่างๆรวมทั้งมีคนเล่นกลอง (gosu) สร้างจังหวะอันน่าอภิรมย์อย่างแปลก ทั้งคู่จะต้องมาในชุดฮันบก ชื่อ Pansori มาจากคำว่า pan ในภาษาเกาหลีที่หมายความว่า ‘สถานที่ที่คนมารวมตัวกัน’ แล้วก็ sori มีความหมายว่า ‘เสียง’ มันเป็นศิลป์อันดั้งเดิมตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 โดยมีข้อมูลว่ามีต้นกำเนิดมาจากการส่งเสียงร้องรำบูชาสิ่งลึกลับ เป็นความรื่นเริงสมัยแรกๆของราษฎร ก่อนที่จะเป็นที่นิยมกระทั่งเจ้าขุนมูลนายยังชื่นชอบก่อนที่จะเพิ่มแนวทางหรือการเล่นใหม่ๆลงไปจนกระทั่งเข้าไปอยู่ในวังในศตวรรษที่ 19 แม้กระทั้งกษัตริย์เองยังสนุกสนานไปกับมัน แม้กระนั้นเมื่อโดนประเทศญี่ปุ่นปฎิวัติวัฒนธรรมในศตวรรษที่ 20 ความชื่นชอบก็เสื่องลงอย่างช้าๆจนถึงแทบหายไป

ไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่ชาวต่างชาติจะฝึกฝนร้องสไตล์นี้ ด้วยการส่งเสียงร้องที่สลับซับซ้อนรวมทั้งการจับจังหวะที่เป็นขนบธรรมเนียมของคนพื้นถิ่นมากมายแล้วยังจะต้องมีท้องที่แข็งแรงเพื่อออกเสียงออกมาจากที่ตรงนั้น เคยมีคนสมัยเก่าบันทึกไว้ว่าผู้ที่จะเป็นนักร้อง Pansori ได้จำเป็นต้องฝึกหัดร้องเพื่อกลบเสียงน้ำตกให้ได้ก่อนถึงจะสร้างเสียงที่มีเอกลักษณ์อย่างนี้ การแสดงมักมีช่วงเวลาตั้งแต่ 3-8 ชั่วโมง โดยจำต้องร้อง เล่า ใช้ลีลาแล้วก็การกรีดพัดเพื่อชี้แจงภาพในจินตนาการของเรื่อง แล้วก็ยังจะต้องเล่นเป็นทุกนักแสดงซึ่งส่วนมากก็เสนอมาจากนิทานหรือวรรณกรรมท้องถิ่น โดยมีคนตีกลองรอให้จังหวะและก็ส่งพลังให้

 


 

เครดิตข้อมูลบทความจาก
fungjaizine.com

สนใจเรียนดนตรีกับมีภูมิ สามารถทดลองเรียนได้ฟรี

  • ยกเว้นคอร์สเต้นจะมีค่าใช้จ่าย 500 บาท เมื่อมีการสมัครเรียนจะคืนเงินให้กับท่าน